ประโยชน์ของการบำรุงรักษาเครื่องมือ
1. ลดการผิดพลาดของเครื่องมือได้ พร้อมจะใช้งานได้และถูกต้องอยู่เสมอ
2. ลดจำนวนของการซ่อมแซม ลดค่าใช้จ่าย ลดเวลาที่เครื่องจะไม่ได้ใช้งาน
3. ยืดอายุการใช้งานของเครื่อง
4. ลดอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น เนื่องจากความผิดปกติในเครื่องมือ
5. ลดเวลาที่ใช้ในการซ่อมแซม เพราะเครื่องมือที่ได้รับการบำรุงรักษาอยู่เสมอ ๆ จะช่วยให้ทราบสาเหตุของการเสียหายได้ง่าย
ขั้นตอนการบำรุงรักษาเครื่องมือ
1. ตรวจด้วยตาเปล่า มีจุดประสงค์ที่จะหาความผิดปกติที่สังเกตได้ด้วยตาเปล่า ทั้งภายนอก และภายในเครื่อง
2. การทำความสะอาด ภายนอกอาจใช้ ผงซักฟอกหรือน้ำสบู่ สารละลายอินทรีย์ที่เหมาะสม เช็คถูโดยไม่ทำให้เครื่องมือเสียหาย ส่วนการทำความสะอาดภายใน หรือที่เป็นชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกควรใช้ลมดูดหรือลมเป่า สิ่งสกปรกโดยเฉพาะฝุ่นละออง สายไฟเก่าหรือสกปรกเปลี่ยนใหม่
3. การทดสอบหน้าที่ (function testing) ว่ายังใช้งานได้หรือไม่ ถ้าผิดปกติ ซ่อม แก้ไข หรือลองทำการปรับ (calibrate) เครื่องให้ถูกต้องก่อน
4. การทดสอบความปลอดภัย (safety testing)
เครื่องมือในห้องปฏิบัติการ แบ่งตามลักษณะการใช้งาน 2 กลุ่ม
1.เครื่องมือพื้นฐานและเครื่องมือเตรียมตัวอย่างให้เหมาะสม เพื่อนำไปวิเคราะห์วัดหาปริมาณสาร
2.เครื่องมือวิเคราะห์วัดหาปริมาณสาร
เครื่องมือพื้นฐานที่สำคัญในห้องปฏิบัติการ
- เครื่องชั่ง
- เตาอบลมร้อน และเตาไมโครเวฟ
- Autoclave
- vacuum oven Rotary evaporator และ freeze dry
- pH meter
- Centrifuge
1. เครื่องชั่ง (balance)
ชนิดของเครื่องชั่ง
แบ่งตามหลักการทำงาน ได้ 2 ชนิด
1. Mechanical balance : มีคานและจุดหมุน
2. Electronic balance : มีการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กไฟฟ้า
Electronic balance การติดตั้งต้องวางเครื่องให้อยู่ในแนวระดับขนานพื้นโลก ก่อนการใช้งานต้องเปิดเครื่องก่อน 5-10 นาที
อุปกรณ์ประกอบในการใช้เครื่องชั่ง
1. โต๊ะวางเครื่องชั่ง มีน้ำหนักมาก นิยมใช้โต๊ะหินอ่อน เพราะช่วยลดแรงสั่นสะเทือน จากพื้นได้
2. ถุงดูดความชื้น ป้องกันเครื่องชั่งเกิดสนิม
สาเหตุที่ทำให้เครื่องชั่งชั่งน้ำหนักผิดพลาด
1. วัตถุหรือสารที่มีการปนเปื้อนน้ำหนัก
2. มีความชื้นปนอยู่ แก้ไขโดยอบแห้งแล้วปล่อยให้เย็นในโหลดูดความชื้น
3. มีสิ่งสกปรกเจือปน เนื่องจากสารเคมีสกปรก เสื่อมคุณภาพ ช้อนตักสารสกปรกหรือภาชนะชั่งสกปรก
4.แรงจากภายนอก
- ลม ความร้อนจากวัตถุทำให้เกิดอากาศร้อนลอยตัวสูงขึ้น และอากาศเย็นไหลเข้ามาแทนที่ พร้อมกับดันวัตถุขึ้น เมื่อชั่งจึงทำให้วัตถุชั่งได้น้อยกว่าปกติ
- แรงดูดหรือแรงผลักระหว่างประจุ เมื่อวัตถุหรือสารมีประจุไฟฟ้า กรณีประจุที่เหมือนกันจะผลักกันทำให้ชั่งน้ำหนักได้มาก กรณีที่ประจุต่างกันจะดูดกัน เมื่อซึ่งน้ำหนักน้อยกว่าเป็นจริง
- แรงหนีศูนย์กลาง เกิดจากการหมุนของโลก แรงมาก น้ำหนักวัตถุต่ำกว่าน้ำหนักจริง
- แรงดึงดูดจากดาวเคราะห์ดวงอื่นระยะทางระหว่างวัตถุกับดาวเคราะห์เหล่านั้น
สิ่งที่ควรปฏิบัติในการใช้เครื่องชั่ง
1. ตั้งบนโต๊ะที่มีการสั่นสะเทือนน้อย และแยกจากเครื่องมืออื่น ไม่ตั้งชิดหน้าต่าง เพราะอาจมีฝุ่น และความร้อนจากแสงแดด
2. ห้ามวางวัตถุบนจานชั่งโดยตรง (พวกของเหลว เปียกชื้น)
3.ไม่ควรชั่งสารเคมีที่สามารถกัดกร่อนโลหะโดยตรง ควรใส่ในขวดที่มีฝาปิดมิดชิด
4. หากไม่ได้ใช้งานนาน ๆ ควรใส่ถุงดูดความชื้นเก็บ เพื่อป้องกันการเกิดสนิม
5. ควรทำความสะอาดทันทีเมื่อเครื่องชั่งสกปรก โดยเฉพาะสิ่งที่เป็นของเหลว
การบำรุงรักษา
การทำความสะอาด โดยใช้แปรงขน หรือพู่กันระบายสีปลายแบน หากสกปรกมากให้ใช้ แอลกอออล์ 50% เช็ดทำความสะอาด
ตู้อบลมร้อน (Hot air Oven)
อุปกรณ์และคุณสมบัติ
1. ผนังตู้อบ เป็นโลหะที่ไม่เป็นสนิม ไม่เปลี่ยนรูปร่าง กระจายความร้อนได้ดี ป้องกันการสูญเสียความร้อนจากภายในสู่ภายนอก ทำความสะอาดได้ง่าย
2. ตัวกำเนิดความร้อน ใช้แท่งความร้อนหรือลวดความต้านทาน
3.ช่องระบายอากาศ ระบายควัน ไอน้ำ หรือไอจากสารเคมีออกจากตู้อบ เพื่อลดการสูญเสียความร้อนอันเนื่องมาจากมีความชื้นในตู้อบ
4.ระบบถ่ายเทความร้อน มี 2 แบบ
1) การพาความร้อนโดยอาศัยแรงโน้มถ่วง
2) การพาความร้อนโดยใช้พัดลม
สิ่งที่ควรปฏิบัติในการใช้ตู้อบความร้อน
1. เลือกขนาดตู้อบให้เหมาะสมกับประมาณวัตถุที่นำมาอบ/ใช้งาน
2. ตั้งตู้อบให้ได้ระดับ ในที่ที่อากาศถ่ายเทได้ดี ปราศจากฝุ่นละออง และควรห่างจากตู้เย็น/ทำความร้อน/ห้องปรับอากาศ
3. ควรคว่ำภาชนะเครื่องแก้ว/พลาสติกให้แห้งจนเหลือน้ำน้อยที่สุด ก่อนนำไปอบ เพื่อช่วยประหยัดพลังงานความร้อน
4.ใช้อุณหภูมิให้เหมาะสมกับวัตถุที่นำมาอบ เช่น พลาสติด < 60oC แก้ว < 120oC และหลีกเลี่ยงการอบสารเคมีที่จะระเบิด/ตัดไฟได้ง่าย
5. ปิดประตูตู้อบให้สนิททุกครั้งที่อบวัตถุ/สาร และไม่เปิดตู้อบโดยไม่จำเป็น
6. ควรฆ่าเชื้อตามพื้น/ผนังตู้เพาะเชื้อ
7. สวมถุงมือกันร้อน ทุกครั้งที่หยิบวัตถุ
การบำรุงรักษา
1. ตรวจสอบความถูกต้องและแม่นยำในการควบคุมอุณหภูมิ ทุก 6 เดือน
2. ตรวจสอบการรั่วไหลของความร้อน
3. ตรวจสอบการขาด/การลัดวงจรไฟฟ้าของแท่งกำเนิดความร้อนทุก ๆ 6 เดือน
4. ตรวจสอบความถูกต้องของนาฬิกาตั้งเวลาทำงานทุก ๆ 6 เดือน
5. ทำความสะอาดภายนอก/ภายในตู้อบ
6. หล่อลื่นบานพับของประตู
7. เป่าฝุ่นจากแผนวงจร electronic ทุก ๆ ปี
8. ทำความสะอาดตัวไวความร้อนและตัวกำเนิดความร้อน
การเลือกตู้อบ
1. ช่วงอุณหภูมิในการใช้งาน
2. ควรมีพัดลมกระจายความร้อนในตู้อบลมร้อนที่มีขนาดใหญ่
3. มีความถูกต้องและมีความแม่นยำในการควบคุมอุณหภูมิ
4. มีช่องระบายอากาศที่ปรับขนาดได้ตามงานที่ทำ
5. ระบบควบคุมความร้อนควรเป็นแบบ electronic มีระบบความคุม program
6. มีการตัดไฟฟ้าเมื่ออุณหภูมิ สูงเกินกว่าอุณหภูมิ ที่กำหนดไว้มาก ๆ
7. สูญเสียความร้อนน้อย
8. ภายในตู้อบควรทำด้วย Stainless steel
9. ตู้อบขนาดใหญ่ ควรมีประตูแยกหลาย ๆ บาน
10. เสียงพัดลมควรเบา หรือไม่ได้ยินรบกวน
ปัญหาที่มักพบบ่อย
1. ตู้อบไม่ร้อนเลย สาเหตุมาจากปลั๊ก fuse ขาด timer ตัวกำเนิดความร้อนขาด switch เสีย
2. ตู้อบภายในมีความร้อนน้อยกว่าปกติ น่าจะเป็น สาเหตุมาจากตั้งปุ่มควบคุมอุณหภูมิต่ำเกิน ตัวปุ่มป้องกันอุณหภูมิสูงเกินกว่าอุณหภูมิของปุ่มควบคุม อุณหภูมิ ตัวไวความร้อนเสีย วงจรเสียหาย ความร้อนมีการรั่ว ตัวกำเนิดความร้อนเสีย/ขาด/สกปรก